‘แฟชั่นไร้เพศ’ เทรนด์ที่แบรนด์ต้องรีบจับหากอยากได้ใจ ‘Gen Z’
ในปัจจุบัน ความหลากหลายทางเพศ กลายเป็นสิ่งที่คนเริ่มเปิดกว้างรับมากขึ้น สถานะทางเพศไม่ได้มีแค่ ชาย หรือ หญิง อีกต่อไป แต่มีนิยมที่หลากหลายมากขึ้นหรือที่เรียกว่า LGBTQ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่คนทั่วโลกที่เปิดรับแต่รวมไปถึงวงการ แฟชั่น ที่เริ่มผลิตเสื้อผ้าในสไตล์ที่เรียกว่า ‘Gender neutral’ หรือ ‘Unisex’ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่เป็นกลางทางเพศ หรือ ไม่ระบุเพศปกติเมื่อเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าหรือจะดูหมวดหมู่เสื้อผ้าบนโลกออนไลน์ แน่นอนว่าจะเจอกับหมวดหมู่ เสื้อผ้าผู้หญิง และ เสื้อผ้าผู้ชาย แต่ในอนาคต หมวดหมู่เหล่านี้อาจจะหายไป เพราะเหล่าผู้บริโภคที่ชื่นชอบแฟชั่นบางส่วนชื่นชอบกับคอลเลกชั่นแฟชั่นแบบไม่ระบุเพศ โดยเฉพาะผู้บริโภค Gen Z ที่กำลังมีความต้องการแฟชั่นที่ เป็นกลาง และครอบคลุมมากขึ้น นั่นเป็นการกระตุ้นร้านค้าที่ต้องการดึงดูดลูกค้าเหล่านี้ต้องเริ่มให้ความสนใจการสำรวจเดือนธันวาคม 2020 โดยบริษัทการตลาดและที่ปรึกษา Wunderman Thompson จากผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวน 1,000 คนที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปี 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า เพศไม่ได้กำหนดคุณค่าของผู้คน อย่างเคยเป็นShawn Grain Carter ศาสตราจารย์ด้านการจัดการธุรกิจแฟชั่นจาก Fashion Institute of Technology กล่าวว่า “แฟชั่นสะท้อนวัฒนธรรมและความเชื่อทางการเมืองของคนรุ่นหนึ่ง ซึ่งมักถูกนำโดยคนหนุ่มสาว หากแบรนด์แฟชั่นอยากอยู่รอด พวกเขาจะต้องสะท้อนให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของแบรนด์เพื่อนำไปสู่ความจงรักภักดีของแบรนด์ตลอดชีวิต”จะเห็นว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์ดังหลากหลายได้ออกคอลเลกชั่นที่มีความเป็น Gender neutral อย่างเช่น ZARA ที่ออก Ungendered collection ส่วน H&M ก็มี H&M’s unisex collection ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญและความต้องการของกลุ่มวัยรุ่นยุคนี้มากขึ้น ซึ่งพวกเขามองว่า Gender Neutral เป็นเรื่องสามัญทั่วไปเหมือนกับเสื้อผ้าที่มีอยู่ในท้องตลาด ขณะที่ห้างสรรพสินค้าในอเมริกาเริ่มทำ The Phluid Project ซึ่งเป็นฉลากเสื้อผ้าที่เป็น Unisex โดยจะมีวางจำหน่ายในร้านค้ามากกว่า 5,000 แห่ง ผ่านการเป็นพันธมิตรกับร้านค้าปลีก เช่น Nordstrom (JWN), Target (TGT), Sephora และล่าสุด Saks Fifth Avenue ซึ่งเป็นร้านเอาท์เล็ตสุดหรูของ Saks Fifth Avenueผลิตภัณฑ์จากไลน์เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เป็นกลางทางเพศชุดแรกของ Saks Off Fifthตัวอย่างเช่น แคมเปญการตลาดช่วงฤดูร้อนปี 2021 ของแบรนด์ PacSun ได้นำเสนอมาร์เก็ตติ้งแคมเปญชื่อว่า ‘gender-free’ ซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2020 ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่เรียกว่า Color Range ซึ่งเสื้อผ้าในคอลเลกชั่นที่แบรนด์กำลังเปิดตัวนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะสีบางสีและแยกเป็นชุดสำหรับเด็กหญิง เด็กชาย ชาย และหญิง แต่ ‘ไร้เพศ’ เนื่องจากแฟชั่นมีความลื่นไหล ไม่ใช่ผู้ชายหรือผู้หญิง และสไตล์สามารถเข้ากับร่างกายได้ทุกประเภท“เราอาศัยอยู่ในสังคมไบนารีหรือการแบ่งแยกเพศเฉพาะชาย-หญิงมานาน โดยสิ่งที่ผู้บริโภค Gen Z ที่อายุยังน้อยกำลังท้าทายโครงสร้างนี้รวมถึงในด้านแฟชั่น” Rob Smith ซีอีโอและผู้ก่อตั้งโครงการ Phluid กล่าวเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน Saks Off Fifth ได้เปิดตัวเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เป็นกลางทางเพศชุดแรก โดยรายได้ 100% จะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิ Phluid ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนของ Smith’s label คอลเลกชั่นนี้มีการออกแบบสีรุ้งบนเสื้อยืด หมวก รองเท้าผ้าใบ และกระเป๋า ในราคาต่ำกว่า 50 ดอลลาร์Sara Griffin รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของ Saks Off Fifth กล่าวว่า คอลเลกชั่นกับโครงการ Phluid ‘เป็นก้าวแรก’ เพื่อรองรับนักช็อปรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยสนใจเสื้อผ้าตามเพศแบบดั้งเดิม“เรากำลังรับฟังลูกค้าของเราและจะทำการปรับเปลี่ยนต่อไป”อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://positioningmag.com/1339177
Tag:แฟชั่น, บุคลิกภาพ,
‘แอนนา’สร้างประวัติศาสตร์ LGBTQ+ เป็นคนไทยหนึ่งเดียวบนรันเวย์โลก
ทำเอาฮือฮาไปตามๆ กัน สำหรับ “แอนนา-วรินทร วัตรสังข์” พิธีกร และอินฟลูเอนเซอร์ชาวไทย หรือที่หลายคนรู้จักเธอในนาม “แอนนา ทีวีพูล” หลังจากที่เธอได้ออกมาประกาศขอยุติบทบาทงานในวงการบันเทิงไทย เพื่อเดินหน้าสานฝันในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ โดยเธอได้ส่งอีเมลแนะนำตัวไปยังนิตยสารหลายเล่ม ส่งรูปไปแคสต์กับแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ล่าสุดโลกออนไลน์ออกมาพูดถึงเธออีกครั้ง เมื่อ “แอนนา” มาในฐานะนางแบบ โดยเธอได้เป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญร่วมเฉิดฉายบนรันเวย์ ของแบรนด์ Tony Ward Couture ในคอลเลกชั่นโอตกูตูร์ ประจำฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว ปี 2022 ณ ปารีส ซึ่งเธอมาในชุดกระโปรง ไหล่ปาดผ้าซีทรู พิมพ์ลายดอกไม้สีขาว อีกทั้งเธอยังคือ Transgender คนไทยเพียงคนเดียว ที่ได้รับเกียรติให้ร่วมเดินแบบในคอลเลกชั่นโอตกูตูร์สุดหรูครั้งนี้ และทางด้านเจ้าของแบรนด์อย่าง “Tony Ward” ยังได้โพสต์ภาพพร้อมแท็กแอนนาในอินสตาแกรมของเขาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทางด้าน “แอนนา” ยังได้เผยความรู้สึกของเธอผ่านอินสตาแกรมด้วยว่า “กะเทยคนเดียว เอเชียคนเดียว พอเดินออกมา ทุกคนมีเรื่องพูดคุยถึงลุค ขอบคุณ #tonyward ที่ให้เกียรติ LGBT ไทยคนนี้มันคือก้าวแรกของแอนนา และเป็นสิ่งที่ท้าทายระหว่าง LGBT MODEl กับ ชุดโอกูตูร์ ฉันทำได้ #ข่าวดี พรุ่งนี้ได้เดินกับเอลซ่าฮอว์คนางแบบวิคตอเรียในตำนาน” ทั้งนี้ ก่อนที่แอนนาจะปรากฏตัวบนรันเวย์ของแบรนด์ของ Tony Ward นั้น เธอยังเคยถ่ายแบบและขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นหัวใหญ่ถึง 2 เล่ม คือ Harper’s BAZAAR เวียดนาม กับ L’Officiel อินเดีย มาก่อนอีกด้วย อ่านฉบับเต็มได้ที่ https://www.dailynews.co.th/news/1218845/
Tag:แฟชั่น,
เปิดกว้างรับทุกความแตกต่างกับ Pride Collection สนับสนุน LGBTQ จาก Converse
เปิดกว้างรับทุกความแตกต่างกับ Pride Collection สนับสนุน LGBTQ จาก Converse Converse ร่วมฉลอง Pride Month ซึ่งเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความแตกต่างไม่ว่าจะทั้งทางด้านเพศ วัย หรือตัวตนด้วยการส่ง Pride Collection พร้อมออกแคมเปญ #YESTOALL เพื่อตอกย้ำความสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ อย่างเปิดเผย รณรงค์ความคิดให้ทุกคนยอมรับความแตกต่างของแต่ละคน เพราะไม่ว่าคุณจะมีเพศไหน มีรสนิยมทางเพศอย่างไร หรือวัยไหน ก็มีสิทธิ์เสรีที่จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัดทั้งนั้น และรณรงค์ให้ผู้คนหันมายอมรับเพศใหม่อย่างเช่นเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กซ์ชวล หรือกลุ่มคนแปลงเพศทั่วโลกให้มากขึ้นConverse Pride Collection ร่วมสนับสนุนความเท่าเทียมของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกรสนิยมทางเพศConverse Pride Collection กับสีรุ้งซึ่งเป็นสีประจำตัวของกลุ่ม LGBTQสำหรับ Converse Pride Collection นั้นเป็นโปรเจ็กต์ที่เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ของทุกปีซึ่งจัดขึ้นโดย Converse อยู่แล้ว และในปี 2017 นี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม โดยทาง Converse ได้ส่ง 2017 Pride Collection ออกมาเพื่อเฉลิมฉลองเดือนแห่ง LGBT ซึ่งประกอบไปด้วยรองเท้าผ้าใบ และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้สีรุ้งที่เป็นสีหลักประจำกลุ่ม LGBTQ เป็นหลักบนผลิตภัณฑ์ในคอลเล็กชั่น ซึ่งโปรเจ็กต์นี้ก็เกิดขึ้นเพื่อรณรงค์เรื่องความเท่าเทียม และสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางสังคมของกลุ่ม LGBTQ ทั่วโลกนั่นเองรองเท้าผ้าใบ 3 รุ่นพิเศษจาก Converse 2017 Pride Collectionในปีนี้ สาวก Converse จะได้เห็นรองเท้าผ้าใบรุ่นพิเศษที่ร่วมเฉลิมฉลองเดือนแห่ง LGBT ด้วยกัน 4 รุ่น ซึ่งได้แก่รองเท้า Converse Chuck Taylor รุ่นหุ้มข้อสีขาวล้วนซึ่งเป็นดีไซน์เอกลักษณ์ประจำแบรนด์ Converse แต่เพิ่มความพิเศษด้วยเชือกร้อยรองเท้าสีรุ้งรองเท้า Converse Chuck Taylor รุ่นหุ้มข้อที่ใช้สีตัวรองเท้าทั้งหมดเป็นสีรุ้ง ดูโดดเด่นสุด ๆ แถมเพิ่มกิมมิกเล็กน้อยตรงเชือกร้อยรองเท้าที่แม้ทั้งเส้นจะเป็นสีขาวล้วน แต่บริเวณปลายเชือกจะเป็นสีรุ้งเข้ากันกับสีของตัวรองเท้านั่นเองรองเท้า Converse Chuck Taylor รุ่นหุ้มข้อแบบ Limited Edition ที่มีให้เลือกกัน 2 สี คือ สีขาว และสีดำ ซึ่งบริเวณส้นรองเท้าด้านหลังจะมีการประดับแถบผ้าสีรุ้ง และบริเวณตัวรองเท้าจะมีสัญลักษณ์ LGBT เป็นผ้าปะสีรุ้งแบบแนว ๆ ปักอยู่รองเท้า Converse Chuck Taylor รุ่นธรรมดาและรุ่นหุ้มข้อ ที่ออกแบบพื้นผิวตัวรองเท้าเป็นผ้าตาข่ายลายจุดสีขาวหุ้มทับพื้นรองเท้าสีรุ้งที่มีให้เลือก 2 เฉดสี คือ เฉดสีเขียว-น้ำเงิน และเฉดสีเหลือง-ส้ม นอกจากนั้นยังมีให้เลือกรองเท้าผ้าใบที่ตัวรองเท้าเป็นพื้นพิมพ์ลายดาวสีรุ้งตลอดทั้งตัวรองเท้าอีกด้วย
Tag:แฟชั่น,
Drag Culture แฟชั่น Unisex เมื่อเรื่องเพศไร้ขีดจำกัด ปลุกกระแส Pride month ทั่วโลก
Drag Culture แฟชั่น Unisex เมื่อเรื่องเพศไร้ขีดจำกัด ปลุกกระแส Pride month ทั่วโลกยุคปัจจุบันความหลากหลายทางเพศในสังคม เป็นกลไกสำคัญที่มีพลังขับเคลื่อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่น่าสนใจสู่สังคมโลก และหนึ่งในนั้นที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือ Drag โดยในอดีตที่ผ่านมามักจะสื่อออกมาในรูปแบบของศิลปะการแสดง เราได้เห็นนักแสดงสุภาพบุรุษต้องแต่งตัว แต่งหน้า แฟชั่น Unisex และแสดงเป็นตัวละครหญิงแทนสุภาพสตรี ซึ่งเป็นเพียงการแสดงออกทางมิติของความบันเทิงแห่งยุคสมัยเท่านั้น ปัจจุบันความไร้เพศของแฟชั่นจากวัฒนธรรมDrag ไม่ได้ถูกนำเสนอแค่บนเวที Drag อีกต่อไป เมื่อแฟชั่นได้รับการปลดปล่อยให้มาโลดแล่นบนรันเวย์แฟชั่นระดับโลก อย่างล่าสุดที่เพิ่งจบไปกับงาน Bangkok Naruemit Pride Parade 2022 ขบวนพาเหรด LGBTQ+ จากวัดแขก – สีสมซอย 2 เพื่อสนับสนุนและเรียกร้องความเท่าเทียมให้แก่ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ Drag Culture แฟชั่น Unisex เมื่อเรื่องเพศไร้ขีดจำกัด ปลุกกระแส Pride month ทั่วโลกเพราะเรื่องเพศมีความเท่าเทียมและเปิดกว้างเป็นอิสระมากขึ้น สิ่งเหล่านั้นจึงถูกสะท้อนออกมาผ่านแฟชั่น โดยเหล่า Transgender model ที่มีบทบาทบนรันเวย์มากขึ้น “มีมี่ เทา” ทีมีทักษะการเดินแบบพร้อมด้วยใบหน้าเก๋ ๆ ทำให้ได้รับเลือกเป็นนางแบบข้ามเพศคนแรกเข้าแข่งรายการ Project Runway ซีซั่น 17 เรียลลิตี้แฟชั่นยอดฮิตในอเมริกา และยังมีทรานส์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวรักร่วมเพศ มีบทบาทอย่างยิ่งในด้านสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ และในด้านความงามที่แตกต่าง Carmen Carrera โด่งดังจนเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อดัง “RuPaul’s Drag Race” และ “RuPaul’s Drag U” ทั้งยังผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการแฟชั่น หรือจะเป็น Nathan Westling นายแบบข้ามเพศที่มีชื่อเสียงมากในแวดวงแฟชั่น เคยเดินแบบให้กับแบรนด์หรูอย่าง Marc Jacobs, Versace, Prada และ Chanel ซึ่งนางแบบข้ามเพศเหล่านี้ยังคงโชว์ผลงานที่โดดเด่นบนรันเวย์ระดับโลกอีกมากมาย และเมื่อแฟชั่นไม่มีขีดจำกัด ผู้คนเริ่มฉีกกฎการใส่เสื้อผ้าเพื่อพังกำแพงเดิมๆ ที่มีเพศเป็นตัวกำหนด สู่ความเป็น Unisex เน้นย้ำถึงคำว่า “แฟชั่นไม่จำกัดเพศ” ได้อย่างดี ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ หลายแบรนด์ใหญ่และเล็ก ทั้งแบรนด์สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง ต่างปรับตัวให้เข้ากับยุคแห่งความแตกต่างหลากหลาย แบรนด์หรูอย่างกุชชี (Gucci) ได้ออกเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า และกระเป๋าที่ไม่มีกรอบของเพศครอบอยู่ ภายใต้ชื่อ “Gucci MX” CHANEL ที่ออกแบบกระเป๋าเป็นแบบ Unisex รุ่น Chanel Gabrielle ซึ่งเป็นรุ่นยอดฮิตของผู้ชายหลาย ๆ คนที่นิยมในแบรนด์ CHANEL โดยมีแรงบันดาลใจในการดีไซน์แบบผสานโลกในจินตนาการและโลกเสมือนจริงไว้ด้วยกัน ภายใต้แนวคิดความเท่าเทียมกันของผู้หญิงและผู้ชาย และแบรนด์รองเท้า sneakers อย่าง Adidas ได้เปิดร้านสไตล์ gender-neutral ในลอนดอน โดยเฉพาะสำหรับสาวก Adidas ที่ชอบเสื้อผ้า รองเท้าที่เน้นแบบคล่องตัว สไตล์สปอร์ตหน่อยๆ และไม่แบ่งแยกเพศชัดเจน เพราะเสื้อและรองเท้าทั้งร้านที่เป็นแบบgenderless จะมีไซส์ทั้งผู้หญิงและผู้ชายทุกรุ่น ไม่ว่าจะเรื่องสีผิว เชื้อชาติ รูปร่าง และเพศ เปิดเผยตัวตนผ่านแฟชั่นของกลุ่มวัยรุ่น LGBTQ+ สร้างกระแสให้เกิดความสนุกไปกับการค้นหาด้านใหม่ๆ ของตนเองผ่านไอเท็มแฟชั่นอันหลากหลาย
Tag:แฟชั่น,
คอลเล็กชั่นใหม่จาก 'Everyday Karmakamet' ที่เต็มไปด้วยสายรุ้งและความหมายที่ซ่อนอยู่
คอลเล็กชั่นใหม่จาก 'Everyday Karmakamet' ที่เต็มไปด้วยสายรุ้งและความหมายที่ซ่อนอยู่ Everyday Karmakamet แบรนด์ไลฟ์สไตล์ฝั่งเสื้อผ้าของ KARMAKAMET ได้ปล่อยคอลเล็กชั่นใหม่ที่มีชื่อว่า “UNITY COLLECTION” แม้ดูเผินๆ จะเหมือนการเอาสีสันของสายรุ้งและลวดลายน่ารักๆ มาใช้เป็นลูกเล่นให้ไอเทมต่างๆ มีสีสันสะดุดตา แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “ความตั้งใจ” ของดีไซเนอร์ เพราะคอลเล็กชั่นนี้มีความหมายบางอย่างที่แบรนด์ต้องการจะสื่อ นั่นก็คือ “การสนับสนุนประเด็นความเท่าเทียม” ในสังคมนั่นเองUNITY COLLECTIONโดยคำว่า "UNITY" ในที่นี้ คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีรากฐานมาจากการเรียนรู้เพื่อเข้าใจ และยอมรับในความแตกต่างซึ่งกันและกัน เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค นําไปสู่การความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดทำไมต้องสายรุ้ง?คอลเล็กชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธงสีรุ้งในฐานะธงชาติแห่ง LGBTQ ซึ่งออกแบบโดย Gilbert Baker และเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ในงาน Gay Freedom Day Parade ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความร่วมมือร่วมใจของอาสาสมัครกว่า 30 คน ที่มาช่วยกันย้อมสีผ้าและเย็บธงที่มีความกว้างเกือบ 10 เมตร โดยแรกเริ่มเดิมทีธงนี้มีทั้งหมด 8 สีด้วยกัน แต่เพราะปัญหาด้านการผลิตทำให้ต้องตัดสีชมพูทิ้ง ตามด้วยตัดสีครามออก เพื่อให้เหลือแค่ 6 สี เวลาเดินขบวนจะได้ดูสวยงาม ปัจจุบัน สีธงสายรุ้งของชาว LGBTQ จึงประกอบด้วย สีแดง (หมายถึง ชีวิต), สีส้ม (การเยียวยา), สีเหลือง (แสงอาทิตย์แห่งความหวัง), สีเขียว (ธรรมชาติ), สีฟ้า (ศิลปะ) และสีม่วง (จิตวิญญาณ) Advertisementโดยทางแฟนเพจของแบรนด์ ได้แชร์เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเท่าเทียมมากมาย โดยโพสต์หนึ่งที่เกี่ยวกับธงสัญลักษณ์ของ LGBT นั้น มีใจความที่น่าสนใจว่า “สิ่งที่เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือ คนเราทุกคนเกิดมาแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นเพศ เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม สังคมและภูมิหลัง แต่จะดีแค่ไหนถ้าความแตกต่างเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน การไม่ตัดสินติเตียน เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาคที่จะนำไปสู่การความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”นับได้ว่าเป็นคอลเล็กชั่นที่มีคอนเซปต์อันมากด้วยสตอรี่และแก่นสาร เพราะนอกจากไอเดียจะบรรเจิดแล้ว Everyday Karmakamet ยังมอบแง่คิดดีๆ กลับคืนสู่สังคมด้วยในเวลาเดียวกัน ใครสนใจอยากเป็นเจ้าของไอเทมคิ้วท์ๆ จาก “UNITY COLLECTION” สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.everydaykmkm.com แอบกระซิบนิดนึงว่าของแต่ละชิ้นราคาหลักร้อยเท่านั้น ไม่สะเทือนเงินในกระเป๋าสตางค์แน่นอน
Tag:แฟชั่น,